#TheatreClub เรื่องที่ 69
เมื่อมองไปยังพระจันทร์ คนสมัยก่อนเห็นรอยหลุมดำบนดวงจันทร์มีรูปร่างเหมือนกระต่าย จึงมีตำนาน ‘กระต่ายบนดวงจันทร์’ ในหลายชนชาติโดยเฉพาะแถบเอเชีย
สำหรับกาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) เมื่อครั้งเขาประดิษฐ์กล้องโทรทัศน์ได้สำเร็จและส่องไปยังดวงจันทร์ เขาเชื่อว่าพื้นที่สีดำเหล่านั้นคือร่องรอยแหล่งน้ำ จึงได้เรียกมันว่า ‘ทะเลแห่งความเงียบ’ (The Silent Sea)
ในเวลาต่อมานักดาราศาสตร์คู่หู ฟรานเชสโก้ กริมัลดี (Francesco Grimaldi) และโจวันนี บัตติสตา ตีเอโปโล (Giovanni Battista Riccioli) ได้ตั้งชื่อพื้นที่นั้นใหม่ว่า Mare Tranquillitatis (Sea of Tranquility) ซึ่งหมายถึงทะเลแห่งความเงียบเช่นกัน
ทางนาซ่าส่งคนไปทำภารกิจสำรวจดวงจันทร์หลายต่อหลายครั้งโดยหวังว่าจะพบแหล่งน้ำบนดวงจันทร์ เช่นเดียวกับซีรีย์เกาหลีแนวไซไฟทริลเลอร์เรื่องนี้ The Silent Sea ทะเลสงัด (2021) ของ NETFLIX เมื่อทรัพยากรน้ำหายไปจากโลก การตามหาร่องรอยน้ำบนดวงจันทร์อาจจะเป็นคำตอบที่ช่วยเหลือมวลมนุษยชาติได้
เรื่องย่อ The Silent Sea
เมื่อโลกขาดแคลนน้ำ แม้แต่มหาสมุทรซึ่งเคยครอบครองพื้นที่กว่า 70% ก็เหือดแห้งไปจนหมด น้ำกลายเป็นของมีค่าที่ผู้คนเบิกได้จำกัดตามเลเวลของตัวเอง ยิ่งอยู่ระดับสูง ยิ่งใช้น้ำได้มาก หากได้บัตรทอง จะใช้น้ำได้ไม่จำกัด
ทางเกาหลีใต้เชื่อว่าคำตอบที่จะช่วยมนุษยชาติได้อยู่บนดวงจันทร์ พวกเขาจัดตั้งสถานีวิจัยที่ยิ่งใหญ่บนนั้นจนเกือบจะได้คำตอบ แต่ก็เกิด ‘อุบัติเหตุ’ ที่พรากชีวิตนักวิจัยทุกคนบนดวงจันทร์ รวมถึงพี่สาวของดร.ซงจิอัน (Bae Doona) ที่เป็นหัวหน้าทีมวิจัย
หลังจากผ่านไป 5 ปี ทางองค์กรต้องการกอบกู้สสารงานวิจัยของสถานีร้างบนดวงจันทร์กลับมายังโลก จึงส่งทีมปฏิบัติการหัวกะทิไปทำภารกิจ นำทีมโดยกัปตันฮันยุนแจ (Gong Yoo), หัวหน้าทีมกงซูฮยอก (Lee Moo Saeng), ผู้กองรยูแทซอก (Lee Joon), คุณหมอฮงกายอง (Kim Sun Young) รวมถึงดร.ซงจิอัน
ทุกคนตอบรับภารกิจนี้ด้วยค่าตอบแทนเป็นการเลื่อนขั้นให้ได้รับบัตรทอง ยกเว้นดร.ซงที่ต้องการตามหาความจริงเบื้องหลังการตายของพี่สาว
ภารกิจที่เหมือนจะหวานหมู แค่ไปเก็บของบนดวงจันทร์กลับมายังโลก กลับกลายเป็นฝันร้ายเมื่อสมาชิกทีมตายไปทีละคน ยิ่งพวกเขาเข้าไปภายในสถานีร้างลึกเท่าไหร่ ความลับดำมืดที่ไม่ควรจะรู้ก็ถูกเปิดเผยออกมา
⚠️ รีวิวต่อไปนี้เปิดเผยเนื้อบางส่วนของหนัง รวมถึงคนที่ไม่รอด!
สนุกหลากอารมณ์ เอฟเฟคดีงาม
นี่ถือเป็นหนังดิสโทเปียของเกาหลีใต้เรื่องแรกที่ซิสดู ที่ผ่านมาเคยดูแต่ซีรีส์เกาหลีแนวรอมคอมหรือดราม่าที่ไม่ได้แสดงฝีมือด้านเอฟเฟคเท่าไหร่นัก เลยไม่แน่ใจว่าเมื่อก่อนเป็นยังไง แต่สำหรับเรื่องนี้ประทับใจโปรดักชั่น เอฟเฟคมาก ดีระดับโลกแล้ว บวกกับมิติตัวละคร ความฉลาดในการขยี้ปมอารมณ์แบบเกาหลี กระชับและเดินเรื่องเร็ว ทำให้ติดงอมแงม ดูวันเดียวจบ 8 ตอนรวด
ความสนุกให้เป็นกราฟเส้นตรงที่ค่อยๆ ดิ่งลง ช่วงแรกตื่นเต้น แปลกใหม่ชวนติดตาม แต่ยิ่งดูยิ่งดำเนินเรื่องตามพล็อตทั่วไป สำหรับคนที่ชอบดูหนังแนวดิสโทเปีย เอาตัวรอดและหนังอวกาศบ่อยๆ คงจะเดาทางได้ไม่ยาก ถือว่าสนุกแบบดูได้เพลินๆ
เนื้อเรื่องมีหลากหลายมู้ดหลายปม แต่ยังไปไม่สุดสักทาง เช่น
- มู้ดสืบสวนสอบสวนของดร.ซงที่ตามสืบการตายของพี่สาว
- มู้ดซึ้งดราม่าของกัปตันฮันที่มาทำภารกิจเพื่อช่วยชีวิตลูกสาวที่ป่วยเพราะขาดน้ำ
- มู้ดลุ้นระทึกในการเอาตัวรอดที่สถานีร้างของทีมปฏิบัติการ
- มู้ดแอคชั่นตื่นเต้นของการต่อสู้ชิงน้ำดวงจันทร์
- มู้ดพลังเหนือธรรมชาติของลูน่า
จะซึ้งก็ซึ้งไม่สุด จะระทึกก็ระทึกไม่สุด อาจจะเพราะซีรีส์มีเพียง 8 ตอน ต้องกระชับเนื้อเรื่องและดำเนินเรื่องเร็ว ทำให้พอกำลังจะซึ้งแล้ว ก็รีบเปลี่ยนซีนไปเป็นระทึกแทน พอกำลังจะระทึกก็เปลี่ยนซีนไปดราม่าแทนซะงั้น
Train to Busan เวอร์ชันอวกาศ?
ถ้าไม่เสิร์ฟดราม่า คงไม่ใช่ซีรีย์เกาหลี แต่สำหรับ The Silent Sea ตอนสุดท้ายเหมือนยัดเยียดซีนดราม่าเข้ามาโดยไม่จำเป็น แทนที่จะซึ้งเลยชวนให้หัวเสียมากกว่า ก็เล่นฆ่าคนหล่ออย่างหัวหน้าทีมกงได้ลงคอ นี่มันเป็นบาปชัดๆ! แถมตายแบบอิหยังวะ 😭
ซีนที่ผู้รอดชีวิตต้องเผชิญหน้ากับสปาย กัปตันฮันที่ตัดสินใจได้อย่างสุขุมและเฉียบขาดมาตลอด จู่ๆ ก็เห็นอกเห็นใจตัวร้ายซะงั้น พูดเกลี่ยกล่อมอยู่นั่นแหละ ทั้งที่น้ำดวงจันทร์ข้างหลังประตูกำลังจะทะลักออกมาแล้ว จนสุดท้ายหัวหน้าทีมกงต้องลุยบู๊เอง
หัวหน้าทีมกงเป็นถึงฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่มากประสบการณ์ ยิงใส่คนร้ายรัวๆ แต่ไม่โดนจุดตายเลย แถมยังไม่เช็คก่อนด้วยว่าคนร้ายตายยัง สุดท้ายโดนยิงสวนจนตัวเองไม่รอด ซิสรับบ่ได้ 🥲 ดูยังไงก็เป็นการยัดเยียดซีนตายเพื่อปูทางไปยังดราม่าที่ใหญ่กว่าคือ การตายของกัปตันฮัน!
ซีนลมหายใจสุดท้ายของกัปตันฮันทำให้เราต้องอุทานว่า “Omg! นี่มัน Train to Busan เวอร์ชันอวกาศหรือเปล่าเนี่ย!” แทนที่จะซึ้งกลับกลายเป็นขำแห้ง กงยูคนดีคนเดิม บทก็คล้ายเดิมคือทีแรกดูเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวเท่านั้น แต่ตอนจบยอมเสียสละ ตายด้วยรอยยิ้มหล่อๆ (กงยูไม่ทักผู้กำกับหน่อยหรอ เอ่อ… ผมรู้สึกเหมือนเดจาวู 😅)
ปล. บางคนเชื่อว่ากัปตันรอด แต่ซิสคิดว่าคงไม่รอดแล้ว เพราะเห็นรอยน้ำแข็งเกาะหมวกชุดอวกาศ = ชุดป้องกันรั่ว = ไม่มีอากาศ = ซี้แหง อีกอย่างฉากยิ้มน้ำตาไหล ไฟหมวกดับ เหมือนกับเป็นการบอกลาลูกสาวครั้งสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม ตามสไตล์ NETFLIX ที่ชอบจบแบบปลายเปิดให้ไปคิดต่อเอง + ดูกระแสว่าจะทำภาคต่อดีหรือไม่ ไม่แน่ว่าถ้ากระแสตอบรับดีมากๆ เราอาจได้เห็นกัปตันฮันรอดมาซีซันสองก็ได้ ถึงแม้ซิสจะคิดว่าซีซันนี้จบบริบูรณ์ดีอยู่แล้วก็เถอะ
There is an Imposters Among Us!
อีกเรื่องที่เสียดายคือตัวละครลับอย่างสปาย มันชัดเจนซะจนเอาคำว่า I am Imposter มาแปะกลางหน้าผากเลยเถอะ เสียดายว่ามันน่าจะเป็นส่วนที่เซอร์ไพรส์คนดูได้ ยังนึกว่าจะโดนหลอกอยู่เลย ปรากฎว่าคนที่ทำตัวน่าสงสัยก็เป็นสปายจริงๆ ไม่มีหลอกอะไรทั้งนั้น
พอเห็นว่าเฉลยสปายกันโต้งๆ นึกว่าจะซ่อนไพ่เด็ดอย่างอื่นเอาไว้ อย่างองค์กร RX คู่แข่ง, ผู้อำนวยการที่ปกปิดความจริง, ตัวทดลอง หรือน้ำดวงจันทร์ คิดว่าจะกลายมาเป็นจุดให้ลุ้นระทึกในภารกิจ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย
พล็อตโฮลมากมายแต่รับได้นะ
หลายคนบ่นเรื่องพล็อตโฮลที่มีอยู่เต็มไปหมด เช่น
✦ หลังจากรู้ว่ามีไวรัสในสถานี ทำไมยังไม่ใส่ชุดป้องกันอีก
✦ ผ่านไป 5 ปีแล้ว แต่ศพบนสถานีอวกาศไม่เน่าเลย
✦ ทีมถูกส่งไปทำภารกิจสำคัญ แต่กลับได้ยานห่วยจนพังตั้งแต่แรก
✦ หมอฮงที่เห็นศพมามากมาย แต่กลับกรี๊ดสติแตกตอนเห็นร่างทดลองที่เสียชีวิตบนดวงจันทร์
สำหรับซิส หนังแนวไซไฟมี 2 ประเภทคือ ประเภทที่เน้นความสมจริงตามหลักวิทยาศาสตร์ให้มากที่สุดอย่าง Interstellar, The Martian, Orbiter 9 กับอีกประเภทคือนิยายจ๋า เน้นจินตนาการ
The Silent Sea เป็นประเภทหลังค่ะ เหมือนกับหนังชุด Alien, Star Trek หรือ Ghosts of Mars ที่มีพลอตโฮลชวนสะกิดใจมากมาย ไม่แปลกที่จะตั้งคำถาม แต่ถ้าอยากดูประเภทนี้ให้สนุก แนะนำให้ปล่อยวางค่ะ หลายๆ พล็อตโฮลก็พอเข้าใจได้ว่าจงใจทำเพื่อความอรรถรส
อย่างเช่น ตอนที่รู้ว่ามีไวรัสที่ฆ่าชีวิตลูกเรือในสถานีอวกาศ แต่ก็ยังไม่ยอมสวมชุดป้องกันกัน ซิสคิดว่าคงอยากให้เห็นหน้านักแสดงชัดๆ แหละ อุตส่าห์จ้างกงยูกับแบดูนามา จะให้เห็นแค่ดวงตาตลอดทั้งเรื่องก็เสียดายแย่ 🥰 ถ้าใส่ชุดป้องกันทั้งเรื่อง คนดูคงงงว่าใครเป็นใครด้วย
เรื่องหมอฮงสติแตกตอนเห็นร่างทดลองมากมาย ขอออกตัวแทนว่า หมอเจอเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมาหนักแล้วจริงๆ ทั้งเรื่องเพื่อนร่วมทีมทยอยตายไปทีละคน จากภารกิจเก็บสสารที่ดูไม่เป็นอันตรายกลับกลายเป็นภารกิจเอาตัวรอดจากไวรัส แถมยังมีคนทรยศในทีมอีก หมอฮงเองก็ไม่ใช่ทหาร ต่อให้ผ่านการฝึกสภาพจิตใจมาแค่ไหนก็คงรับไม่ไหวแล้ว เลยมีโมเมนท์สติแตกบ้างแหละ
ถ้าใครเคยดู Alien: Covenant (2017) มาก่อนจะมองข้ามพล็อตโฮลเรื่องนี้ได้สบายๆ 😂 เพราะยังไม่เจอหนังอวกาศเกรด A เรื่องไหนที่เต็มไปด้วยพล็อตโฮลจนอยากจะกรี๊ดเหมือน Covenant อีกแล้ว โดยเฉพาะเรื่องความโปรเฟสชั่นนอลของลูกเรือ ไม่สวมชุดป้องกันตั้งแต่แรกทั้งที่ลงไปเหยียบดาวที่ไม่รู้จัก, สติแตกตอนเห็นเพื่อนร่วมทีมป่วย (ตอนนั้นยังไม่เจอเอเลี่ยนเลยนะ), ยิงปืนมั่วๆ จนยานระเบิด ถึงหนังจะสนุก แต่พล็อตที่ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึกพื้นฐานหลายอย่างก็ทำเอากุมขมับเหมือนกัน