รีวิวเที่ยวสิงคโปร์

รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 12 ที่ในงบ 15,000 บาท (ฉบับปี 2022)

0 Shares
0
0
0
0
0

หลังจากการเที่ยวต่างประเทศหยุดชะงักไป 2 ปีเพราะโควิด-19 ในที่สุดปี 2022 พวกเราก็สามารถออกเดินทางได้อีกครั้ง จุดหมายแรกของซิสคือ สิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้านที่ยังไม่เคยไปเยือน บินเพียง 2 ชั่วโมง บ้านเมืองสะอาด ปลอดภัย ระบบขนส่งสาธารณะสะดวกสบาย สามารถเที่ยวด้วยตัวเองได้สบายๆ เลยค่ะ

ทริปนี้เป็นการเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืนในเดือนมิถุนายน อากาศร้อนมาก ร้อนแบบกรุงเทพฯ ยังต้องยอมแพ้ สลับกับฝนตก อากาศที่เปลี่ยนแปลงไวทำให้ซิสภูมิแพ้กำเริบและลงเอยด้วยการเป็นหวัดที่สิงคโปร์ กลับมาก็ยังป่วยไปอีกเป็นสัปดาห์จนนึกว่าติดโควิดซะแล้ว

วางแผนการเดินทางด้วย Travel Planner

ซิสเป็นคนที่ชอบวางแผนการเดินทางแบบละเอียด (แต่ก็ไม่ค่อยทำตามแผน มีไว้ให้อุ่นใจ 😂) เลยทำตารางเที่ยวขึ้นมาว่า 4 วัน 3 คืนจะไปไหนบ้าง เวลาเปิดปิดของสถานที่ เดินทางยังไง ใช้เวลากี่นาที มีกฏข้อบังคับอะไรหรือไม่

รวมถึงทำเช็คลิสต์เอกสารเดินทาง ไอเทมที่ต้องพกไปและซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวไว้ล่วงหน้า ทั้งหมดรวมอยู่ใน Travel Planner นี้เลย สามารถดาวน์โหลดไปใช้ได้ฟรี แจกเป็นของขวัญให้เพื่อนๆ ชาว Sis Academy ที่สนับสนุนกันมาโดยตลอดค่ะ 😊

ซิสโหลดไฟล์นี้เก็บไว้ในมือถือ ใช้แสดงเอกสารให้ตม. แสดงตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว และไว้เช็คกำหนดการว่าต้องไปที่ไหนต่อ สะดวกสบายมาก



เตรียมเอกสารเข้าประเทศ

ซิสจองตั๋วเครื่องบินและวางแผนเที่ยวสิงคโปร์ล่วงหน้า 2 เดือน ในช่วงนั้นรัฐบาลไทยและรัฐบาลสิงคโปร์ผ่อนปรนข้อปฏิบัติต่างๆ ในการเข้าประเทศแล้ว โดยเอกสารที่ได้ใช้จริงๆ มีดังนี้ค่ะ

เอกสารเข้าประเทศสิงคโปร์

  • ตั๋วเครื่องบิน
  • พาสปอร์ตที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน
  • International vaccine certificate (ขอจากแอปหมอพร้อม)
  • กรอก SG Arrival Card ภายใน 3 วันก่อนเดินทาง

เอกสารเข้าประเทศไทย

  • ตั๋วเครื่องบิน
  • พาสปอร์ตที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน
  • International vaccine certificate (ขอจากแอปหมอพร้อม)

ไอเทมที่ควรมีติดตัว

แต่ละคนอาจจะต้องเตรียมไอเทมแตกต่างกันไปตามสถานที่ท่องเที่ยว แต่สิ่งของที่ซิสแนะนำให้พกไปไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวที่ไหนในสิงคโปร์มีดังนี้ค่ะ

  • พัดลมห้อยคอ/พัด/สเปรย์เย็น: ไอเทมชุบชีวิตที่ใช้งานคุ้มค่ามาก เพราะอากาศสิงคโปร์ร้อนกว่าเมืองไทยมาก แถมร้อนแบบเหนียวเหนอะหนะด้วย
  • ร่ม: ใช้ทั้งกันแดดและกันฝน โดยเฉพาะถ้าคุณกลัวผิวเสีย ซิสว่าแค่ครีมกันแดดเอาไม่อยู่ ถ้าใส่เสื้อแขนยาวก็ยิ่งร้อน จึงแนะนำให้พกร่มไว้ดีกว่าค่ะ
  • รองเท้าแตะ: โดยเฉพาะหากคุณไปเที่ยวช่วงฤดูฝน ควรพกรองเท้าแตะติดตัวไปด้วย
  • ยาดม: หากแผนของคุณคือการเดินชมเมืองท่ามกลางอากาศร้อน หรือคนที่เป็นภูมิแพ้คัดจมูก ยามดมเป็นอีกหนึ่งไอเทมชุบชีวิตต้องมีเลยค่ะ
  • เสื้อกันฝน: ไอเทมพิเศษสำหรับคนที่จะไปเที่ยว Universal Studios Singapore แล้วจะเล่นเครื่องเล่นล่องแก่ง การันตีว่าเปียกชุ่มช่ำทั้งตัวแน่นอน ซึ่งเสื้อกันฝนที่สวนสนุกราคา 5 SGD (ประมาณ 127 บาท) ดังนั้นถ้ามีที่ว่างในกระเป๋า พกจากเมืองไทยไปถูกกว่าเยอะเลยค่ะ

แผนเที่ยวสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืน

วางแผนไว้ก่อนอุ่นใจกว่า แต่ก็ควรมีความยืดหยุ่นหากสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามแผน เพราะการเดินทางมักเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เสมอ

เหมือนกับการเดินทางวันแรกของซิส ที่ยังไม่ทันไปเหยียบสิงคโปร์ก็เซอร์ไพรส์เลยค่ะ เครื่องบินดีเลย์ไป 4 ชั่วโมง! ทางสายการบินชดเชยให้ผู้โดยสารด้วยคูปองอาหาร 300 บาท ใช้ได้กับร้านที่ร่วมรายการซึ่งมีอยู่ไม่กี่ร้าน เช่น Subway, Burger King, Daiy Queen ดังนั้นผู้โดยสารจึงมาอออยู่ร้านเดียวกันเกือบหมดเลย

ประสบการณ์เจอเครื่องบินดีเลย์ครั้งแรกนี้ทำให้ซิสได้เรียนรู้ว่า เราควรวางแผนวันแรกและวันกลับอย่างยืดหยุ่นที่สุด รวมถึงซื้อประกันเดินทางที่ครอบคลุมการชดเชยเครื่องบินดีเลย์เผื่อไว้ อย่างน้อยก็ได้เงินชดเชยจากค่าเสียเวลาและเสียความรู้สึก โชคดีที่วันแรกไม่ได้จองตั๋วเที่ยวอะไรไว้ ไม่งั้นเสียตั๋วฟรี เพราะจากที่ควรจะถึงสิงคโปร์ตอนบ่าย กลายเป็นถึงตอนหัวค่ำแทน เพลียทั้งกายและใจ วันแรกเลยตรงดิ่งเข้าที่พักนอนเลย

แผนการท่องเที่ยว 4 วัน 3 คืนเลยกลายเป็นดังนี้

วันที่ 1: เข้าที่พัก ibis budget Singapore Emerald

วันที่ 2: เที่ยวเกาะ Sentosa – สวนสนุก Universal Studios Singapore และคาสิโน

วันที่ 3: เที่ยวตาม MRT – สวน Fort Canning Park, ช้อปปิ้ง Orchard Road, เดินป่า The Forest Walk, ชมสวนดอกไม้ Garden by the Bay, ขึ้นชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer, ชมงานไฟประดับ i Light Marina Bay

วันที่ 4: เที่ยวพิพิธภัณฑ์ – Art Science Museum และ National Museum

วิธีการเดินทางภายในสิงคโปร์

ทริปนี้ซิสเดินทางด้วยระบบขนส่ง 3 อย่าง ได้แก่ รถบัส, รถไฟฟ้า และกระเช้าลอยฟ้า (Cable Car) ตอนที่ไปกลับเกาะ Sentosa ค่ะ

ระบบขนส่งสาธารณะของสิงคโปร์สะดวกสบายมาก เหมือนกับที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ รถไฟฟ้าและรถเมล์รับส่งตรงเวลา เช็คเวลาผ่าน Google Maps หรือตรงป้ายสถานีได้ ภายในรถสะอาดสอ้าน จ่ายเงินค่ารถผ่านบัตรหรือเงินสดก็ได้ ซึ่งแนะนำให้จ่ายผ่านบัตรค่ะ เพราะคนขับรถบัสไม่มีเงินทอนให้ ดังนั้นถ้าจ่ายด้วยเงินสดต้องเตรียมให้พอดีหรือจ่ายเกินเท่านั้นค่ะ

สำหรับบัตรที่ใช้จ่ายค่ารถมี 3 ประเภท ได้แก่ 1. บัตร EZ Link ซึ่งต้องเติมเงินเข้าไป (เหมือนบัตร BTS/MRT) 2. บัตร Travel Card เช่น Visa, Mastercard ที่ใช้ในต่างประเทศได้ 3. บัตร Singapore Tourist Pass โดยซิสใช้บัตร Singapore Tourist Pass กับบัตร SCB Travel Card

สำหรับคนที่เที่ยวหลายที่ ขึ้นลงหลายสถานี แนะนำให้ใช้ Singapore Tourist Pass ค่ะ คุ้มมาก! มีให้เลือกแบบ 1 วัน, 2 วันและ 3 วัน ซึ่งซิสซื้อแบบ 3 วัน ราคา 30 SGD (~770 บาท) ใช้ขึ้นรถไฟฟ้าและรถบัสได้ไม่จำกัดตลอด 3 วัน และสามารถนำบัตรมาแลกเงินคืนได้อีก 10 SGD สรุปแล้วถ้าใครคืนบัตร ก็จ่ายเพียง 20 SGD (~510 บาท) หรือจะเก็บบัตรไว้เป็นที่ระลึกแบบซิสก็ได้ (ความจริงคือหาตู้คืนบัตรไม่เจอ ฮ่าๆ)

รถไฟฟ้า: วิธีขึ้นรถไฟฟ้าเหมือนกับบ้านเรา ใช้บัตรแตะเข้าออกสถานี ซึ่งวันแรกที่ซิสยังไม่มีบัตร Singapore Tourist Pass ก็ใช้บัตร Planet SCB ซึ่งเป็นบัตร Visa ประเภท Travel Card แตะจ่ายค่ะ ระบบจะหักเงินในบัญชีอัตโนมัติเอง ถ้าไม่มีบัตรจริงๆ สามารถซื้อบัตร EZ Link ที่สถานีได้ค่ะ

รถบัส: วิธีขึ้นรถบัสให้ขึ้นที่ประตูหน้าตรงคนขับและลงที่ประตูหลัง เมื่อขึ้นไปให้แตะบัตร EZ Link, Tourist Pass หรือ  Travel Card ก่อน เมื่อใกล้ถึงป้ายที่จะลงให้กดกริ่ง จากนั้นแตะบัตรออกที่ประตูหลังค่ะ ระบบจะหักเงินอัตโนมัติ รถเมล์บางคันจะมีเสียงประกาศแจ้งว่าถึงสถานีไหนแล้ว แต่บางคันก็ไม่มีค่ะ ดังนั้นต้องคอยดู Google Maps ดีๆ ว่าถึงสถานีไหนแล้ว 

ประทับใจรถบัสมาก สะอาด ตรงเวลา รถไม่ติด มีที่นั่งตลอด แถมไปจอดหน้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยแทบไม่ต้องเดินต่อเลย

กระเช้าลอยฟ้า (Cable Car): ซิสนั่งกระเช้าลอยฟ้าไปกลับเกาะ Sentosa โดยจองบัตรโดยสารแบบ 1 round trip ผ่าน Klook หลังใช้โค้ดส่วนลดแล้ว ได้มาในราคา 520 บาท ขึ้นลงได้ทุกสถานี สถานีละ 1 ครั้ง คุ้มค่าสำหรับคนที่อยากชมวิวสิงคโปร์จากมุมสูง



13 สถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์ภายใน 3 วัน

ต้องขอบคุณขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ทำให้เราสามารถเที่ยวไปแทบจะครึ่งเกาะสิงคโปร์ภายใน 3 วัน โดยซิสไปมาทั้งหมด 13 ที่ตามลำดับดังนี้ค่ะ

1. สวนสนุก Universal Studios Singapore

รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ Universal Studios Singapore

ดินแดนแห่งความฝันที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นจากภาพยนตร์เรื่องโปรด ทั้ง Transformer, The Mummy, Shrek และอีกมากมาย กรี๊ดคอแตก สนุกทุกเครื่องเล่นโดยที่ชอบที่สุดคือ รถไฟเหาะคู่และเครื่องเล่น Transformers 3D ที่ทำให้เราอยากจะกลับมาดูภาพยนตร์ Transformer เลย

ช่วงที่ไปตรงกับเทศกาล Minions ซึ่งกำลังโปรโมทภาพยนตร์ Minions: The Rise of Gru ที่กำลังจะเข้าฉายพอดี สามารถอ่านรีวิวเที่ยวสวนสนุก Universal Studios Singapore ฉบับเต็มได้ที่นี่ค่ะ

2. Cable Car

รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ Singapore Cable Car_1

คนที่รักการชมวิวจากมุมสูง ขอแนะนำให้นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมภูเขา ทะเลและเกาะเซนโตซ่า โดยสถานีกระเช้าลอยฟ้ามีทั้งหมด 6 สถานี แต่ละสถานีมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจแตกต่างกัน ตั้งแต่ภูเขาที่รายล้อมไปด้วยป่าดงดิบไปจนถึงชายหาดที่เงียบสงบ อ่านรีวิว Singapore Cable Car ฉบับเต็มได้ที่นี่

3. Resort World Sentosa Casino

รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ Casino

ครั้งแรกในชีวิตที่ได้เที่ยวคาสิโน เข้าใจแล้วว่าทำไมใครหลายๆ คนติดใจคาสิโน ข้างในคาสิโนดูหรูหราสะอาดสอ้าน มีเครื่องสล็อตแมชชีนวางเรียงรายหลายร้อยเครื่อง มีโต๊ะวางเดิมพันที่มีดีลเลอร์กับเกมพนันมากมายที่ไม่รู้จัก มันตื่นเต้นตระการตาไปหมด มือใหม่หัดเล่นอย่างเราได้ลองเล่นเครื่องง่ายๆ อย่างสลอตแมชชีนที่ได้เงินไวมาก (และหายไปไวมาก เช่นกัน ฮ่าๆ) สามารถอ่านรีวิวเที่ยวคาสิโน Resort World Sentosa ได้ที่นี่

4. Fort Canning Park

หนึ่งในมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่ถ้าคุณเข้า #เที่ยวสิงคโปร์ ในไอจีจะต้องเห็นรูปอุโมงค์ต้นไม้ Fort Canning Tunnel อย่างแน่นอน

Fort Canning Park เป็นสวนสาธารณะที่เคยเป็นป้อมปราการมาก่อนตามชื่อ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 48 เมตร พื้นที่กว้างถึง 18 เฮคเตอร์ สำหรับคนที่ต้องการไปเพื่อถ่ายรูปที่อุโมงค์ต้นไม้อย่างเดียว ให้ปักหมุดที่ ‘Fort Canning Tunnel’ ทางเข้าจะอยู่ติดกับป้ายรถเมล์และสถานีรถไฟฟ้า MRT Dhoby Ghaut เลยค่ะ เดินเพียง 2 นาทีก็ถึงจุดถ่ายรูปแล้ว ส่วนคณะเดินทางของซิสดันปักหมุดที่ ‘Fort Canning Park’ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอุโมงค์ต้นไม้เลยค่ะ ใช้เวลาเดินข้ามเนินราว 40 นาที ถึงจะถึงจุดหมาย 

ทั้งสวนสาธารณะคนโล่งมาก คนมารวมกันอยู่ที่อุโมงค์ต้นไม้ รอคิวถ่ายรูปนานสักพักใหญ่ๆ เลยค่ะ 

โดยส่วนตัวเราประทับใจสวนสาธารณะมากกว่าอุโมงค์ต้นไม้ ร่มรื่น มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ ใบไม้ใหญ่มาก ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไร แต่นึกถึงป่าดึกดำบรรพ์ในหนังไดโนเสาร์ 

5. Orchard Library

สถานที่เที่ยวแนะนำสำหรับชาวหนอนหนังสือ ห้องสมุด Orchard ตั้งอยู่ในห้าง Orchard Gateway ชั้น L3 และ L4 ซึ่งอยู่ตรงสถานีรถไฟใต้ดิน Somerset ค่ะ เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่พบบ่อยของชาว #Bookstagram

ที่นี่เป็นห้องสมุดสาธารณะ สามารถเดินเข้าไปได้เลย ไม่ต้องแลกบัตรใดๆ มีคนมาอ่านหนังสือกันครึกครื้นและมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปด้วย

6. Forest Trail

สวนสาธารณะป่าดงดิบใจกลางเมืองสิงคโปร์ที่คนกลัวความสูงหวาดเสียวแน่นอน เป็นทางเดินชมธรรมชาติยาว 10 กิโลเมตรเริ่มตั้งแต่ Marang Trail > Faber Trail > Henderson Waves > Hilltop Walk > Forest Walk > Alexandra Arch > Hort Park > Canopy Walk ใช้เวลาเดินรวมทั้งหมดประมาณ 3-5 ชั่วโมงค่ะ ซึ่งเราสามารถเลือกเดินแค่บางเส้นทางที่ต้องการได้ 

เนื่องจากมีเวลาจำกัด ซิสจึงเลือกเดินเล่นจาก Canopy Walk ไปจนถึง Forest Walk ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง ระหว่างทางพบคนท้องถิ่นมากกว่านักท่องเที่ยว มีทั้งคู่รักมาออกเดท, กลุ่มเพื่อนที่มาถ่ายคลิปเต้นสนุกๆ กัน, ครอบครัวพาลูกๆ มาวิ่งเล่น และคนที่มาวิ่งออกกำลังกาย ยอมใจจริงๆ ตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงก็ยังเจอคนมาวิ่งเรื่อยๆ 

7. Garden By The Bay

สวนพฤษชาติชื่อดังของสิงคโปร์ที่มีพืชและดอกไม้นานาชนิดมาจัดแสดง โดยมีโดมจัดแสดงทั้งหมด 2 โดม คือ ​​Floral Fantasy และ Flower Dome & Cloud Forest ซิสซื้อบัตรเข้าชมจาก Klook ราคา 743 บาท สามารถเอา QR code ให้เจ้าหน้าที่แสกนแล้วเข้าชมได้เลย

8. Singapore Flyer

ชิงช้าสวรรค์ที่จะพาเราชมวิว Marina Bay โดย 1 แคปซูลจุผู้โดยสารได้ 8 คน โดยพนักงานจัดให้คนที่มาด้วยกันได้นั่งด้วยกัน 1 รอบใช้เวลาราว 30 นาที ในแคปซูลมีคำบรรยายภาษาอังกฤษเล่าถึงสถานที่ต่างๆ ที่มองเห็นจากแคปซูลได้ให้ฟังเพลินๆ ถือเป็นช่วงเวลาผ่อนคลายที่ได้ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับทัศนียภาพมุมสูง

ซิสซื้อตั๋วผ่าน Klook เช่นเคย โดยซื้อเป็นแพคเกจ Singapore Flyer & Time Capsule ด้วย ราคารวม 1,028 บาท

9. นิทรรศการ Time Capsule

นิทรรศการ Time Capsule ตั้งอยู่ตึกเดียวกับชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer เลยค่ะ โดยในนิทรรศการจะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของเกาะสิงคโปร์แบบล้ำยุค โดยมีหุ่นยนต์มาสคอตพาเราท่องอดีตไปตั้งแต่การค้นพบเกาะสิงคโปร์โดยเจ้าชายชวา ซึ่เจ้าชายได้พบกับสิงโตบนเกาะ จึงเรียกเกาะนี้ว่า Singapura ซึ่งแปลว่า เมืองแห่งสิงโตและเป็นที่มาของสัญลักษณ์ Merlion ที่มีส่วนหัวเป็นสิงโต ส่วนร่างเป็นปลาแสดงถึงว่าที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน

10. i Light Festival 

งานเทศกาลไฟ i Light Festival จัดขึ้นทุกปีมาตั้งแต่ปี 2010 ที่ Marina Bay ช่วงเดือนมิถุนายน โดยปี 2022 ที่ซิสไปมีการจัดแสดงไฟในรูปแบบสร้างสรรค์กว่า 20 จุดรอบอ่าว งานนี้มีคนมหาศาลมาก ทำให้นึกถึงงานลอยกระทงบ้านเราที่คนเบียดเสียดแออัดมาก

11. Art Science Museum

พิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานวิทยาศาสตร์กับงานศิลปะที่แค่ดีไซน์ตึกก็ชวนดึงดูดให้เข้าไปชมแล้ว ซิสซื้อค่าตั๋วเข้าชมจาก Klook ราคา 443 บาท ในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยผู้ปกครองที่พาลูกหลานมาทัศนศึกษา โดยสังเกตว่าผู้ปกครองสอนลูกกันอย่างจริงจังมาก ไม่ได้ดูเคร่งเครียด แต่คอยป้อนความรู้ให้ลูกตอนที่ลูกเล่นสนุกไปด้วย

12. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ Singapore National Museum

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนรักการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ควรแวะไปชม ค่าตั๋วเข้าชมจาก Klook ราคา 221 บาท มีวัตถุโบราณและเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของสิงคโปร์ ชอบวิธีการจัดแสดงและลำดับการเล่าเรื่อง มันดูน่าสนใจไปหมด 

ที่จริงวันที่ซิสไปชมพิพิธภัณฑ์ทั้ง 2 แห่ง เริ่มมีอาการป่วยจากการเดินตากแดดตากฝนและเบียดเสียดฝูงชนในงาน i Light Festival เมื่อคืนก่อน รวมถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายในสิงคโปร์ จึงเช็คเอาท์และแบกกระเป๋าเตรียมกลับมาด้วย ดังนั้นสภาพวันเที่ยวพิพิธภัณฑ์จึงยับเยินมาก สมองไม่ทำงาน เลยเข้าไปเดินกดชัตเตอร์รัวๆ ไม่ค่อยได้อ่านข้อมูลอะไรมาก แอบเสียดายเพราะที่จริงพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งจัดแสดงดีมาก มีการใช้เทคโนโลยีมาเล่าเรื่องได้อย่างน่าสนใจ 

นอกจากที่เที่ยวทั้ง 12 แห่งที่กล่าวมา ยังได้มีโอกาสไปเดินเล่นผ่านย่าน Chinatown ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนแถวเยาวราชและสำเพ็จบ้านเรา ส่วน Little India ให้ความรู้สึกเหมือนย่านสีลม แถวนั้นมีร้านอาหารอร่อยและราคาไม่แพงอยู่มากมาย

รีวิวที่พัก ibis budget Singapore Emerald

คณะเดินทางของซิสเลือกฝากกายไว้ที่โรงแรม ibis budget Singapore Emerald ตลอด 3 คืนเลยค่ะ จองผ่าน Agoda ราคาหลังใช้โค้ดส่วนลดเหลือ 859 บาทต่อคืน เหตุผลหลักที่เลือกพักที่นี่เพราะเดินทางสะดวก อยู่ใกล้ MRT Kallang เดินแค่ 10 นาที และห่างจากป้ายรถเมล์เพียง 3 นาทีค่ะ 

บริเวณรอบโรงแรมมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารหลากหลายสไตล์ อาหารอินเดีย, อาหารจีน, คาเฟ่, หมูกะทะ, บุฟเฟ่ต์ชาบู และร้านเหล้าบรรยากาศดีๆ ในตอนกลางคืน

ในส่วนของโรงแรม เจ้าหน้าที่บริการสุภาพและให้ความช่วยเหลือดีค่ะ มีบริการทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าขนหนูและผ้าปูที่นอนทุกวัน ภายในห้องพักมีของใช้ที่จำเป็นให้ครบ ได้แก่ น้ำเปล่าและชากาแฟฟรี, เครื่องทำน้ำอุ่น, ไดร์เป่าผม, ผ้าขนหนู, สบู่, แชมพู, แปรงสีฟันและยาสีฟัน ไม่จำเป็นต้องพกไปเองเลยค่ะ

มีข้อติข้อเดียวคือฝุ่นค่อนข้างเยอะ คนเป็นภูมิแพ้อย่างเราเปิดประตูเข้าไปสัมผัสได้ทันทีว่าฝุ่นเยอะ คัดจมูก ขนาดกินยาภูมิแพ้ดักไว้ทุกวันยังจามและนอนหายใจไม่สะดวกค่ะ 

ข้อควรระวังสำหรับคนแพ้อากาศ

พาร์ทนี้ขอบันทึกไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับตัวเองและคนที่มีโรคประจำตัวภูมิแพ้เหมือนกัน ทริปสิงคโปร์ครั้งนี้ทั้งสนุกและเข็ดสำหรับซิสจนไม่กล้าขึ้นเครื่องบินไปอีกนาน เที่ยว 3 วัน กลับมาป่วย 2 อาทิตย์จนนึกว่าติดโควิดแต่ไม่ใช่นะ อากาศร้อนสลับฝนทำให้เราเป็นภูมิแพ้ จากนั้นกลายเป็นหวัด ลงเอยด้วยไซนัสอักเสบ

สิ่งที่ทำให้ป่วยคือสภาพอากาศที่ร้อนสลับกับฝนตกค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้อาการแย่ลงมากคืออุณหภูมิตอนนอน ซึ่งกลายมาเป็นบทเรียนสำคัญตอนแบ่งห้องนอนกับเพื่อนเลยค่ะ ทริปเราแบ่งห้องนอนกันด้วยปัจจัยแสงและเสียง เลยแบ่งห้องกันได้เป็น #ทีมนอนกรนเหมือนเปิดโรงละครโอเปร่า และ #ทีมนอนเงียบเหมือนซ้อมตุย คิดว่าแบ่งลงตัวแล้ว แต่ในสถานการณ์จริงเราลืมคิดไปถึงอีกปัจจัยคือ อุณหภูมิ เราขี้หนาว เพื่อนร่วมห้องขี้ร้อน เลยต้องเปิดแอร์ให้อุณหภูมิอยู่ตรงกลางที่เราทั้งคู่รับได้ แต่ก็ยังหนาวเกินไปสำหรับเรา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการป่วยซิสแย่ลงจนมีไข้ ดังนั้น

หากใครเคยบินตอนเป็นหวัดคัดจมูก คงจะรู้ดีว่ามันเป็นหนึ่งในความทรมานที่สุดในชีวิต! เพราะโพรงจมูกที่ตันมาเจอกับความกดดันอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นั่งปวดร้าวไปทั้งโพรงจมูก ลามไปถึงเบ้าตาที่เหมือนจะหลุดออกมา ตอนลงเครื่องมาหูดับไปหนึ่งข้างเลยค่ะ (ถ้าไม่เคลียร์หูเลย แก้วหูคงแตกไปแล้ว รู้สึกแบบนั้นจริงๆ)

หากคุณเป็นภูมิแพ้อากาศหรือป่วยง่ายเวลาอากาศเปลี่ยน แนะนำให้เตรียมตัวดังนี้ค่ะ

  1. การเลือกที่พัก: นอกจากราคา สถานที่ตั้งและการบริการแล้ว แนะนำให้ดูรีวิวเรื่องความสะอาดของห้องด้วยค่ะ ถ้ามีงบสูง แนะนำให้เลือกที่พักที่เป็น Allergy Friendly Hotel เพื่อมั่นใจว่าที่พักสะอาดไร้ฝุ่น
  2. การเลือกเพื่อนร่วมห้องนอน: นอกจากไลฟ์สไตล์แล้ว ให้คำนึงถึงเสียง แสงและอุณหภูมิในห้อง ถ้าเข้ากันไม่ได้ อย่าฝืนแชร์ห้องเพื่อประหยัดเลยค่ะ พอป่วยขึ้นมาแล้วไม่คุ้มจริงๆ
  3. ดื่มเปล่าน้ำบ่อยๆ: เนื่องจากน้ำเปล่าที่สิงคโปร์ค่อนข้างแพง ขวดละ 40-60 บาท ส่วนน้ำหวานหรือน้ำอัดลมราคาถูกกว่า โดยอยู่ที่ 20-30 บาท ซิสผู้ชื่นชอบของหวานอยู่แล้วเลยจัดไป ดื่มแต่น้ำหวาน ทำให้อาการเจ็บคอจากภูมิแพ้ยิ่งหนัก การเปลี่ยนมาดื่มน้ำอุ่นช่วยบรรเทาอากาศเจ็บคอได้ดีขึ้นทันทีค่ะ
  4. เคลียร์หู: ถ้าจำเป็นต้องบินตอนที่คัดจมูก การเคลียร์หูช่วยลดอาการปวดไซนัสได้มากเลยค่ะ โดยซิสบีบจมูกเคลียร์หูตลอด 10-20 นาทีระหว่างเครื่องบินกำลังขึ้นและลง

สรุปค่าใช้จ่าย

สรุปค่าใช้จ่ายทริปสิงคโปร์ 4 วัน 3 คืนของซิสคือ 17,105 บาทค่ะ แต่ได้เงินกลับมาจากคาสิโนเล็กน้อยประมาณ 1,200 บาท จึงเหมือนจ่ายไป 15,105 บาทค่ะ เป็นทริปที่สนุกและได้ประสบการณ์ดีๆ คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

แล้วพบกันใหม่ในการผจญภัยครั้งหน้า



0 Shares
You May Also Like
รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ Singapore Cable Car_1

รีวิวเที่ยว Singapore Cable Car : นั่งกระเช้าลอยฟ้าชมภูเขา ทะเล และเกาะเซนโตซ่า

เก็บภาพความงดงามของสิงคโปร์และเกาะเซนโตซ่าจากความสูง 100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลด้วยกระเช้าลอยฟ้าสิงคโปร์ (Singapore Cable Car)
รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ Casino

รีวิว Resorts World Sentosa Casino : เที่ยวคาสิโนสิงคโปร์ ฉบับมือใหม่หัดเล่น

เปิดประสบการณ์เข้าคาสิโนเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ ทดสอบดวงเล่นตู้สล็อต มาดูกันว่าดวงมือใหม่หัดเล่นจะเป็นยังไง
รีวิวเที่ยวมาเลเซีย เก็นติ้ง กัวลาลัมเปอร์

ตะลุยเก็นติ้งและมุมฮิต IG ในกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (ฉบับ 2023)

รีวิวเที่ยวเก็นติ้ง (Genting Highlands) สถานบันเทิงเริงร่ามีครบทั้งสวนสนุก คาสิโน กระเช้าลอยฟ้าและห้างบนเขา พร้อมเที่ยวมุมฮิต IG ในกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) มาเลเซีย
LUNA The Immersive Musical Experience

LUNA The Immersive Musical Experience : ละครเพลงที่ผู้ชมเป็นผู้เลือกเส้นทาง

สวมบทนักผจญภัยแล้วไปร้องเล่นเต้นรำกับ LUNA: The Immersive Musical Experience กัน! ละครเพลงที่ผู้ชมพูดคุยกับตัวละครและเลือกเส้นทางได้เอง
รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น เมืองยูฟุอิน (Yufuin)

คริสต์มาสนี้ที่เมืองยูฟุอิน (Yufuin) หมู่บ้านเทพนิยายในหุบเขา

พาชมเมืองยูฟุอิน ครึ่งวันก็เที่ยวได้! ชมเมืองวินเทจสไตล์ยุโรป Yufuin Floral Village ทะเลสาบคินรินและนั่งรถไฟสายธรรมชาติ Yufuin no Mori
รีวิวเที่ยวสิงคโปร์ Universal Studios Singapore

รีวิวเที่ยว Universal Studios Singapore : เทศกาลมินเนี่ยนและ 11 เครื่องเล่นสุดมันส์ (ฉบับปี 2022)

บันทึกเที่ยวสวนสนุก Universal Studios Singapore ในช่วงเทศกาลมินเนี่ยน และเครื่องเล่นหวาดเสียวสุดประทับใจ 11 เครื่อง