จบไปแล้วกับค่ำคืนแห่งความสนุกกับคอนเสิร์ต Glass Animals ครั้งแรกในเมืองไทย
“Sometimes, all I think about is you.
Late night in the middle of June.
Heat waves been fakin’ me out.
Can’t make you happier now.”
แม้ว่า Heat Waves ของ Glass Animals วงอินดี้จากอังกฤษ จะไม่ใช่แนวเพลงที่เราฟังบ่อย แต่ก็เป็นเพลงที่ฟังครั้งแรกแล้วไม่สามารถเอาออกจากหัวได้เลย
คุณเองก็คงจะเหมือนกันใช่ไหม?
ไม่ใช่แค่เพลงเท่านั้นที่เราชอบ แต่มิวสิกวิดีโอที่เกิดขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ โดยมีเพื่อนบ้านของ เดฟ เบย์ลีย์ (Dave Bayley) นักร้องนำและผู้แต่งเพลงนี้ ช่วยกันถ่ายผ่านมือถือจากในบ้านก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าประทับใจ ช่วงเวลาที่ทุกคนต้องเว้นระยะห่าง แต่ความร่วมมือเล็กๆ น้อยๆ นี้กลับทำให้รู้สึกถึงพลังของคอมมูนิตี้ได้
คลื่นความร้อนที่พัดไปทั่วโลก
คลื่นความร้อน จาก 4 หนุ่ม Glass Animals พัดไปไกลจนขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Global นานถึง 5 สัปดาห์ในปี 2022 และวันนี้ยอดสตรีมมิ่งบน Spotify ทะลุ 3,000 ล้านครั้ง! วงของกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
และคลื่นความร้อนลูกนี้ก็พัดพาเราเข้าสู่โลกของ Glass Animals ไปด้วย จนเพลงของพวกเขาติดอันดับ Top 5 ใน YouTube Music Playlist ของเรามาสองปีซ้อน
เพลง The Other Side of Paradise เล่าถึงความสัมพันธ์ของคนรักที่เปลี่ยนไป เมื่ออีกฝ่ายออกเดินทางตามฝันและโด่งดังขึ้น อีกฝ่ายที่รออยู่ที่เดิมก็ต้องโบกมือลาความไร้เดียงสา แล้วเข้าสู่โลกของความจริงอันโหดร้าย ที่มีท่อนคอรัสติดหูอย่าง
“Bye-bye, baby blue. I wish you could see the wicked truth”
เพลง Youth ถ่ายทอดความรักอันบริสุทธิ์แด่ลูก ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากให้ลูกมีความสุข โบยบินอย่างอิสระ ซึ่งมีท่อนที่เราชอบเป็นพิเศษคือ
“I want you to be happy, free to run”
ทั้งสองเพลงโปรดนี้ก็ได้รวมอยู่ใน Setlist ของคอนเสิร์ต Tour of Earth ครั้งนี้
Tour of Earth
เมื่อรู้ว่า Glass Animals จะมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยปี 2025 ท่ามกลางไลน์อัพที่น่าสนใจ เราตัดสินใจไปซัพพอร์ตวงอินดี้อังกฤษที่อยู่เป็นเพื่อนเราทั้งในวันที่สุขและเศร้า
คอนเสิร์ตครั้งนี้มีชื่อเต็มว่า Human Musical Group Sensations GLASS ANIMALS: TOUR OF EARTH

ภาพโปรโมทคอนเสิร์ตตอกย้ำว่า มนุษย์อย่างพวกเราเป็นเพียงจุดเล็กจิ๋วในจักรวาล มันทำให้ปัญหาที่เราคิดว่าใหญ่โต ดูเล็กจ๋อยลงไปเลย
อุ่นเครื่องจนร้อนกับ Tilly Birds
คอนเสิร์ตจัดที่ Samyan Mitrtown Hall ฮอลล์ขนาดกะทัดรัด จุคนได้ราว 1,500 คน ให้เราได้ใกล้ชิดกับศิลปิน
เวลา 19:00 น. ประตูเปิดให้ผู้ชมทยอยเข้าฮอลล์ เรายืนเกาะรั้วอยู่ที่โซน B ด้านหลัง ภายในฮอลล์เต็มไปด้วยแฟนเพลงทั้งชาวไทยและต่างชาติแบบครึ่งๆ มีตั้งแต่วัยรุ่น Gen Z ไปจนถึงพี่ๆ Gen X
พอถึงเวลา 19:45 น. ไฟในฮอลล์ดับลง นักดนตรี 5 คนเดินขึ้นเวที เสียงดนตรีร็อกหนักๆ ดังขึ้น เปิดโชว์อย่างเร้าใจ ทีแรกเราไม่คุ้นหน้าศิลปิน รู้แค่ว่า วงนี้เล่นมันส์มาก! เลยโยกหัวตามแม้ไม่รู้ว่าเพลงอะไร
จนกระทั่งท่อนเพลงนี้ดังขึ้น…
“ถ้าให้ฉันแข่งกับเธอเพื่อลืมเรื่องราวของเรา”
อ้อ Tilly Birds นี่เอง!

เท่านั้นแหละ ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ คนรอบข้างเริ่มกรี๊ดกันสุดเสียง สมาชิกทั้ง 3 ของ Tilly Birds พร้อมนักดนตรีแบ็กอัพอีก 2 คน โชว์จัดเต็มเกือบชั่วโมง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพลงจำเก่ง และคิด(แต่ไม่)ถึง พอมาเล่นสดแล้วจะสนุกขนาดนี้
Tilly Birds คือเซอร์ไพรส์ที่ดีของค่ำคืนนี้
คลื่นความร้อนพัดมาถึงเมืองไทยแล้ว
หลังจาก Tilly Birds อุ่นเครื่องคนดูจนร้อนแล้ว ทีมงานก็เริ่มเซ็ตเวทีใหม่ คนในฮอลล์เริ่มฮือฮากันอีกครั้งเมื่อมี สัปปะรด ลูกหนึ่งถูกนำมาตั้งไว้ที่ฐานกลองของ โจ ซีวาร์ด (Joe Seaward) ซึ่งมาจากท่อนเพลงของ Pork Soda ที่ว่า
“Pineapples are in my head”
คีย์บอร์ด 2 ตัวถูกยกมาตั้งในตำแหน่งริมขวาสุดของเวทีสำหรับ ดรูว์ แมคฟาเลน (Drew MacFarlane) มือกีตาร์ และฝั่งซ้ายของเวทีสำหรับ เอ็ดมุนด์ ซิงเกอร์ (Edmund Irwin-Singer) มือเบส
ถึงเวลาของ Glass Animals แล้ว!
จากนั้นไม่นาน 4 หนุ่ม Glass Animals ก็เดินออกมาประจำตำแหน่ง เริ่มเปิดการแสดงด้วยเพลง Life Itself ที่เสมือนบทเริ่มต้นของชีวิต เรื่องราวของคนที่เริ่มออกมาใช้ชีวิตในสังคม แต่พบว่าเข้ากับสังคมได้ยาก เลยเก็บตัวอยู่ในบ้าน ใช้ชีวิตอยู่ในหัวของตัวเอง
เสียงร้องของเดฟส่งมา “She said I look fat but…”
เสียงผู้ชมในฮอลล์ร้องกลับดังกระหึ่ม “I look fantastic!!!’
เดฟ เบย์ลีย์ ร้องสดได้เพราะไม่ต่างจากในสตรีมมิ่ง เพิ่มเติมคือพลังงานล้นมาก ทั้งกระโดด เต้นท่าแปลกประหลาดที่ทำให้เราสนุกไปกับทุกจังหวะ
เซตลิสต์ของค่ำคืนนี้:
- Life Itself
- Your Love (Deja Vu)
- Wonderful Nothing
- Space Ghost Coast To Coast
- A Tear in Space (Airlock)
- The Other Side of Paradise
- Creatures in Heaven
- Youth
- Gooey
- How I Learned To Love The Bomb
- Show Pony
- Take A Slice
- Tokyo Drifting
- Heat Waves
ทุกเพลงสนุกมาก หากให้เลือกโมเมนต์ที่ประทับใจที่สุด
Creatures in Heaven เพลงแห่งความคิดถึงใครบางคนที่เคยสนิท มีแฟนๆ สวมหมวกคาวบอยเข้ากับท่อน “So long, Cowboy. You’re so cool.” เดฟก็หยิบหมวกมาใส่ร้องอย่างน่ารัก บรรยากาศยิ่งอบอุ่นขึ้นไปอีกเมื่อทุกคนเปิดไฟ Flash Light ทะลุกระดาษสีที่บ้านแฟนเบส Glass Animals เอามาแจก ทำให้ในฮอลล์ส่องแสงไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
Gooey เพลงดังจากอัลบั้มแรกอย่าง ZABA เดฟโดดลงจากเวทีมาทักทายแฟนๆ ที่อยู่ข้างหลัง เราที่เกาะรั้วโซน B อยู่จึงได้เห็นเดฟแบบใกล้ชิด แม้เดฟจะเหงื่อท่วม แต่สีหน้าดูตื่นเต้นพอๆ กับแฟนๆ ที่กระโดด ร้องอย่างเสียงดังในท่อน “You just wanna know those peanut butter vibes!”
สุดท้ายคือเพลงปิดคอนเสิร์ตอย่าง Heat Waves ที่ทุกคนต่างพากันร้องดังกระหึ่มฮอลล์
คลื่นความร้อนแพร่กระจายไปทั่วประเทศไทยแล้ว
มาพูดถึงสมาชิกวงกันบ้าง
ก่อนมาดูคอนเสิร์ต เราพอเซนส์ได้ว่าวงนี้ค่อนข้าง ขี้อาย จากแนวเพลง เนื้อเพลง และไม่ค่อยออกสื่อ นอกจากเดฟที่มักเป็นตัวแทนวงในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลง
คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน 3 สมาชิกที่เหลือไม่ได้พูดอะไรเลย นอกจากส่งยิ้มและโบกมือแบบเขินๆ

โจ ตีกลองสนุกตลอดคอนเสิร์ต แต่พอวางไม้กลองลง เขากลับเดินออกมาทักทายแฟนๆ ด้วยท่าทีเขินอายจนน่าเอ็นดู เอาแต่ยืนอยู่ริมเวที จน เอ็ดมุนด์ มือเบส เดินมากอดและดึงให้เข้าไปกลางเวทีด้วยกัน
เอ็ดมุนด์ที่ใน fandom wiki ว่าขี้อายที่สุด กลับกลายเป็นรองจากเดฟในเรื่องพลังงานเยอะ ควงเบสกระโดดโลดเต้น เดินทักทายแฟนๆ ไปทั่วเวที
ดรูว์ เองก็ไม่ต่างจากโจเท่าไหร่ พอวางกีตาร์ลง ก็ออกมาโบกมือด้วยท่าทีเขินๆ ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์จนมองจากไกลๆ ยังรู้เลยว่าเท่สุดๆ แทบจะละสายตาไปไม่ได้
ส่วน เดฟ คึกคักและพลังงานล้นที่สุด ทั้งร้อง เต้น เล่นกีตาร์ และเอ็นเตอร์เทนแฟนๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สนุกจนเราลืมไปเลยว่าตัวเองยืนมาทั้งคืน
ดีใจที่ได้เจอ Glass Animals มาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกในฮอลล์ขนาดกะทัดรัด ได้เจอศิลปินแบบใกล้ชิด มันทำให้เรานึกถึงวงโปรดของเราวงหนึ่งที่การมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเขาเมื่อปี 2013 ก็เริ่มจากฮอลล์เล็กๆ ที่จุคนได้พันคนเหมือนกัน
หลังจากนั้นทุกๆ 2-3 ปีที่พวกเขากลับมาไทย คอนเสิร์ตถูกจัดในฮอลล์ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีคนมาดูมากขึ้นทุกครั้ง จนมาถึง Impact Arena ที่จุคนได้กว่า 12,000 คน
เราเชื่อว่า Glass Animals เองก็จะได้กลับมาพร้อมกับแฟนๆ ที่มากขึ้นทุกปี
Thank you, Glass Animals, for an amazing night we’ll never forget. Can’t wait to see you again in Thailand!