เฉลิมฉลองที่ One Piece Live Action ของ NETFLIX กำลังจะเข้าฉายในปี 2023 แล้ว ซิสเลยมานั่งดูอนิเมะตั้งแต่ซีซั่นแรกอีกครั้ง พบว่า One Piece เป็นการ์ตูนผจญภัยต่อสู้สนุกสนานก็จริง แต่บทจะซึ้งจะดึงดราม่าก็ทำเอาน้ำตานองหน้ามาทุกภาคแล้ว วันนี้เลยขอรวบรวมเรื่องราวสุดซึ้งใน One Piece ที่ดูกี่ครั้งก็ยังน้ำตาท่วมจอ 🥺
คำสัญญาของเพื่อนรัก & ตำนานโนแลนด์จอมโกหก
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ภาคเกาะแห่งท้องฟ้าถูกยกย่องว่าเป็นภาคที่ดีที่สุดของ One Piece คือเรื่องราวคำสัญญา 400 ปีของสองเพื่อนรัก หนึ่งยอดนักรบ หนึ่งยอดนักสำรวจ และเป็นที่มาของตำนานเมืองขุมทองและโนแลนด์จอมโกหก
ตอนที่เปิดภาคเกาะแห่งท้องฟ้า ตำนานโนแลนด์จอมโกหกยังดูเป็นเรื่องราวขำขันที่เพื่อนๆ กลุ่มหมวกฟางแซวอุซป พลซุ่มยิงผู้มีพรสวรรค์ด้านการเล่าเรื่องเกินจริงว่า ‘นั่นญาติของนายหรือเปล่า’ ใครจะคิดว่าเบื้องหลังของตำนานนี้จะเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและน่าหดหู่ใจ
ย้อนกลับไปเมื่อ 400 ปีก่อน มองบลังค์ โนแลนด์ หัวหน้าคณะสำรวจจากนอร์ทบลูเดินทางมาจนถึงเกาะจายา ที่ตั้งของนครทองคำที่มีชนเผ่านักรบแชนเดียร์อาศัยอยู่ เขานำวิทยาการและความรู้มาช่วยเหลือชาวแชนเดียร์จนกลายเป็นเพื่อนรักของยอดนักรบกาลูการา เมื่อถึงเวลาที่โนแลนด์ต้องกลับบ้าน พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้ง แต่คำสัญญานั้นก็ไม่เคยเป็นจริง
โนแลนด์นำทองคำไปถวายองค์ราชาและเล่าเรื่องราวของนครทองคำให้ฟัง องค์ราชาผู้ละโมบจึงส่งเขากลับไปที่เกาะเพื่อหวังจะหอบทองคำกลับมาอีก แต่เมื่อโนแลนด์มาถึงเกาะจายาอีกครั้งก็พบเพียงความว่างเปล่า เพราะไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น นครทองคำถูกน็อคอัพสตรีม (กระแสน้ำที่พัดขึ้นไปบนท้องฟ้า) ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดันจนเมืองและชาวแชนเดียร์ลอยไปติดอยู่บนเกาะแห่งท้องฟ้า
เมื่อชาวแชนเดียร์มาถึงเกาะแห่งท้องฟ้า ที่นั่นมีเจ้าของเดิมอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ชาวท้องฟ้าหวาดระแวงคนแปลกหน้าจากเบื้องล่างและต้องการแย่งชิง ‘วาส’ หรือ ‘ดิน’ ซึ่งเป็นสิ่งหายากที่ไม่มีอยู่บนท้องฟ้า ส่วนชาวแชนเดียร์ต้องการปกป้องบ้านเกิด ยอดนักรบกาลูการาปกป้องชาวเผ่าจนตัวตาย ในวาระสุดท้าย เขาส่งต่อข้อความให้ลูกหลานจงลั่นระฆังทองคำแห่งแชนเดียร์สืบต่อไปเพื่อบอกให้โนแลนด์ เพื่อนรักของเขารู้ว่า “เราอยู่บนนี้ เราอยู่ที่นี่ บนเกาะแห่งท้องฟ้า”
โนแลนด์ถูกประหารในข้อหาโกหกต่อองค์ราชา เสียงกู่ร้องด่าว่า “จอมโกหก!” ดังกึกก้องลานประหาร แต่จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต สิ่งเดียวที่โนแลนด์เป็นห่วงคือกาลูการา เพื่อนรักของเขากับชาวแชนเดียร์ที่หายไป ลมหายใจของเขาดับสูญพร้อมกับจุดเริ่มต้นของตำนานโนแลนด์จอมโกหก
เรื่องราวถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา จนกระทั่งอีก 400 ปีถัดมา เมื่อมองบลังค์ คริกเกต ลูกหลานของโนแลนด์เชื่อว่านครทองคำมีจริงและต้องการพิสูจน์เรื่องราวของบรรพบุรุษ ส่วนไวเปอร์ ลูกหลานของยอดนักรบกาลูการาก็ยังคงปกป้องไฟแห่งแชนเดียร์และได้รับสืบทอดเรื่องราวคำสัญญาของสองเพื่อนรัก สุดท้ายแล้วลูฟี่ก็ได้ลั่นระฆังทองคำ เสียงนั้นส่งไปถึงลุงคริกเกตที่อยู่ในทะเลสีฟ้าเป็นการบอกว่า “นครทองคำอยู่บนนี้ อยู่บนเกาะแห่งท้องฟ้า โนแลนด์ไม่เคยโกหก”
หน้าที่และครอบครัวของวีรบุรุษแห่งกองทัพเรือ
ภาคสงครามมารีนฟอร์ดเกิดเรื่องราวสุดซึ้งมากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เราปวดใจมากที่สุดคือ การต้องเลือกระหว่างหน้าที่และครอบครัวของพลโทมังกี้ ดี. การ์ป
แม้โพโตกัส ดี. เอสไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับการ์ป แต่พวกเขาคือครอบครัว การ์ปเป็นคนที่โกล์ด ดี. โรเจอร์ ราชาโจรสลัดไว้ใจฝากให้ช่วยดูแลลูกชายที่กำลังจะลืมตามาดูโลกของตัวเอง การ์ปตอบรับคำขอนั้นและรับเอสมาดูแลตั้งแต่เกิด จากนั้นก็ฝากให้ดาดันและแก็งโจรภูเขาที่บ้านเกิดช่วยเลี้ยงดูพร้อมกับลูฟี่ หลานชายแท้ๆ ของตัวเอง ดังนั้นการ์ปก็รักเอสเหมือนหลานแท้ๆ
การ์ปเป็นคุณปู่ของเด็กชายทั้งสองคน แต่เขาก็ยังเป็น ‘วีรบุรุษแห่งกองทัพเรือ’ ด้วย เขาเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพ เป็นตัวอย่างที่นายทหารต่างเคารพยกย่อง หน้าที่ทหารเรือของการ์ปไม่ใช่สิ่งเบาบางที่จะละทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ เมื่อนึกถึงว่ามันเป็นเส้นทางที่เขาเลือกเดินเองมาตั้งแต่วัยรุ่นจนปัจจุบัน “ฉันต่อสู้กับพวกโจรสลัดมาตั้งแต่ก่อนพวกแกจะเกิดมาด้วยซ้ำ!” ทหารเรือคือชีวิตของการ์ป
สิ่งเดียวที่การ์ปทำได้คือ การอยู่เคียงข้างเอสจนถึงวินาทีสุดท้าย ตั้งแต่ที่คุกอิมเพลดาวน์จนถึงวินาทีแห่งการประหาร สุดท้ายแล้วการ์ปก็ทิ้งหลานชายทั้งสองไม่ลง เขาปล่อยให้ลูฟี่ไปช่วยพี่ชายตัวเอง แม้สุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาน่าเศร้าก็ตาม
เราจินตนาการตามไม่ออกเลยว่า ถ้าเราตกอยู่ในสถานะเดียวกับการ์ป เราจะทำอย่างไร
คุณโคราและเด็กชายผู้ถูกโลกทอดทิ้ง
เด็กชายทราฟาลการ์ ดี. วอเตอร์ ลอว์ เป็นลูกชายของตระกูลแพทย์แห่งเมืองสีขาวแฟลว็องส์ เมืองที่เคยรุ่งเรืองเพราะอุตสาหกรรมเหมืองตะกั่ว ภายในนอกเปล่งประกายสวยงาม แต่ภายในกลับเป็นพิษ กว่าประชาชนจะรู้ตัว ก็มีสารตะกั่วสะสมอยู่ในร่างกายจนเกิดเป็น ‘โรคตะกั่วอำพัน’ ที่ทำให้ป่วยและอายุขัยสั้นลงแล้ว
คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าโรคตะกั่วอำพันเป็นโรคติดต่อ ราชวงศ์ร่วมมือกับรัฐบาลโลกสังหารหมู่ประชาชนเมืองแฟลว็องส์ กองศพท่วมสูงกว่ากำแพงเมือง ในร่างเหล่านั้นมีพ่อ แม่ น้องสาวและเพื่อนๆ ของลอว์ ตัวลอว์เองได้แกล้งตายและปะปนกับกองศพจนหลบหนีออกมาได้สำเร็จ
โลกที่เคยเป็นสีขาวเปล่งประกาย กลายเป็นนรกในพริบตา เด็กชายวัยสิบขวบเหลือตัวคนเดียว เป็นโรคร้าย ถูกผู้คนรังเกียจขับไล่ และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 ปีนิดๆ มันเลวร้ายเกินจินตนาการ
ลอว์ละทิ้งความหวังในตัวผู้คนและตนเอง เขาตัดสินใจขอเข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดดองกิโฮเต้แฟมิลี่ เพื่อทำตามเป้าหมายสุดท้ายในชีวิตนั่นคือ สร้างความวุ่นวายบนโลกใบนี้ให้มากที่สุดก่อนตาย แสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้นต่อโลกอันโหดร้าย ถ้าผู้คนเห็นเขาเป็นปีศาจ เขาก็จะกลายเป็นปีศาจให้เห็นจริงๆ
โดฟลามิงโก้ถูกใจแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของลอว์ มันช่างเหมือนกับตัวเขาสมัยเด็ก เขารับลอว์เข้ากลุ่มและคาดหวังไว้สูง ถ้าลอว์รอดจากโรคร้ายไปได้ ก็ตั้งใจจะฝึกเด็กคนนี้ให้กลายเป็นมือขวาของเขา ลอว์จึงเริ่มเดินเข้าสู่โลกมืดตามรอยโดฟลามิงโก้
แล้วโชคชะตาก็พลิกอีกครั้ง เมื่อลอว์ได้พบโคราซอน น้องชายแท้ๆ ของโดฟลามิงโก้ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โคราซอนได้ละทิ้งภารกิจสำคัญเพื่อตามหาวิธีรักษาเด็กชายจากเมืองสีขาวคนนี้
ในที่สุดลอว์ก็ได้รับพลังของ ‘ผลโอเปะโอเปะ’ ที่สามารถผ่าตัดรักษาได้ทุกโรค รวมไปถึงโรคตะกั่วอำพัน โดยแลกมากับชีวิตของคุณโครา ชายที่เต็มไปด้วยความรักความเมตตา ผู้มอบแสงสว่างให้เขาอีกครั้ง
ซากุระที่เบ่งบานกลางฤดูหนาวของสองด็อกเตอร์
ณ เกาะแห่งหนึ่งในแกรนด์ไลน์ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ที่นั่นมีกวางเรนเดียร์จมูกน้ำเงินอยู่ตัวหนึ่ง เพราะจมูกสีน้ำเงินแปลกประหลาด เขาจึงถูกขับไล่จากฝูงเรนเดียร์ ต่อมาเขาบังเอิญไปกินผลไม้ปีศาจฮิโตะ ฮิโตะจนแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ก็ถูกหาว่าเป็นสัตว์ประหลาดและถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านมนุษย์ ไม่มีที่ใดต้อนรับกึ่งเรนเดียร์กึ่งมนุษย์อย่างเขา
แต่แล้วเรนเดียร์จมูกน้ำเงินที่บาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจก็ได้รับการรักษาจากด็อกเตอร์ฮิลลุค เขามอบชีวิตใหม่และความรักให้กับโทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อด็อกเตอร์ฮิลลุคป่วยใกล้ตาย เขายังมีสิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้ายนั่นคือ รักษาประเทศนี้ รักษาอาณาจักรดรัมที่กำลังจะตายเพราะเผด็จการ โดยทำให้ผู้คนในอาณาจักรได้เห็นซากุระเบ่งบานสักครั้ง ซึ่งมีที่มาจากเรื่องราวปาฏิหาริย์ของคนไข้ใกล้ตายที่ได้เห็นซากุระเบ่งบานจนหายจากโรคร้ายได้ ซากุระที่เบ่งบานในฤดูหนาวเปรียบเสมือนความหวัง
แม้สุดท้ายด็อกเตอร์ฮิลลุคจะเสียชีวิตไปก่อนที่จะทำให้ซากุระเบ่งบาน แต่ด็อกเตอร์คุเรฮะ ผู้คอยดูแลช็อปเปอร์หลังจากด็อกเตอร์ฮิลลุคเสียชีวิตและเป็นคนสอนวิชาแพทย์ให้ ได้นำสูตรของด็อกเตอร์ฮิลลุคมาทำให้ซากุระเบ่งบานที่อาณาจักรฤดูหนาวแห่งนี้ได้ เป็นการส่งช็อปเปอร์ออกทะเลสู่การผจญภัยครั้งใหม่
“ซันจิ ระวังอย่าให้เป็นหวัดล่ะ”
เส้นทางของวินสโมค ซันจิ เชฟสุภาพบุรุษของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนเสียน้ำตามาตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งในพิธีแต่งงานของเขา แต่หนึ่งในเรื่องราวสุดซาบซึ้งและเป็นเรื่องที่ซิสชอบที่สุดในภาคอีสต์บลูคือ ความสัมพันธ์ระหว่างซันจิและโอนเนอร์เซฟ เจ้าของภัตตาคารลอยทะเลบาราติเอ อดีตกัปตันโจรสลัดเซฟขาแดง
เซฟได้พบกับซันจิตอนที่เขาบุกปล้นเรือสำราญหรูลำหนึ่ง ซึ่งซันจิเป็นลูกครัวอยู่บนเรือลำนั้น แต่แล้วก็เกิดพายุทำให้ทั้งเรือโจรสลัดและเรือสำราญจมลงสู่ทะเล เซฟได้สละขาหนึ่งข้างซึ่งเป็นอาวุธที่มีค่าของเขาเพื่อช่วยเหลือซันจิที่กำลังจะจมน้ำตายเพียงเพราะประโยคเดียว “ฉันจะต้องมีชีวิตเพื่อตามหาออลบลูให้เจอ” ความฝันของเด็กน้อยที่ใครๆ หัวเราะเยาะกลับเป็นความฝันเดียวกันกับกัปตันโจรสลัดคนนี้
ขณะที่ติดเกาะร้าง เซฟยังเสียสละเสบียงอาหารทั้งหมดให้ซันจิจนเขาเกือบจะอดอาหารตาย หลังจากผ่านความทุกข์ทรมานจากความหิวโหยนานหลายสัปดาห์ พวกเขาก็รอดมาได้ เซฟได้เปิดภัตตาคารลอยทะเลด้วยปณิธานว่า “หากพบคนที่กำลังหิว ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นโจรสลัดหรืออาชญากร จะมีเงินหรือไม่ก็ตาม เราก็จะทำอาหารให้” เพราะพวกเขารู้ซึ้งดีว่าผู้ประสบภัยกลางทะเลที่หิวโหยนั้นรู้สึกอย่างไร
แม้ซันจิกับโอนเนอร์เซฟจะแทบไม่เคยพูดจาดีๆ ใส่กัน แต่ซันจิก็เคารพนับถือและมีวิถีชีวิตตามแบบโอนเนอร์เซฟ ‘มือมีไว้ทำอาหาร ขามีไว้ต่อสู้ ต่อให้ตายก็ห้ามทำร้ายผู้หญิง’
สุดท้ายเพียงคำพูดเดียวก็ทำเอาเราเสียน้ำตาไปพร้อมกับซันจิได้ “ซันจิ ระวังอย่าให้เป็นหวัดล่ะ” ประโยคสั้นๆ จากใจของพ่อที่กำลังส่งลูกชายออกไปผจญภัยในทะเลอันกว้างใหญ่ เรื่องราวของโอนเนอร์เซฟและซันจิทำให้เรารู้แล้วว่าทำไมซันจิถึงเติบโตมาเป็นสุภาพบุรุษที่พวกเรารัก
จะฝ่ายที่ทำร้ายหรือถูกทำร้าย ต่างก็มีเลือดสีแดงไหลเวียน
เมื่อครั้งที่มนุษย์เงือกปรากฏตัวครั้งแรกในภาคอีสต์บลู นั่นคือกลุ่มโจรสลัดอารอง มนุษย์เงือกผู้จับมนุษย์ในหมู่บ้านโคโคยาชิของนามิเป็นทาส ตอนนั้นเราได้เห็นความแข็งแกร่งและโหดร้ายของมนุษย์เงือก จนไม่ชอบเผ่าพันธุ์นี้ไปเลย
ใครจะไปคิดว่าอีกกว่า 500 ตอนถัดมา ต้นตอของความเกลียดชังและความหวาดกลัวที่เงือกมีต่อมนุษย์ถึงจะถูกเฉลยออกมาในภาคเกาะเงือก เป็นประวัติศาสตร์ที่ทั้งน่าเศร้าและเจ็บปวดใจ มนุษย์บางกลุ่มมองว่าเผ่าพันธุ์เงือกเป็นเพียงปลา ไม่ใช่มนุษย์ จึงเหยียดชนชั้นและปฏิบัติกับพวกเขาราวกับเป็นทาส เงือกเองก็ต้องปกป้องตนเอง เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ มากมายจนความเกลียดชังระหว่างเผ่าพันธุ์ทวีคูณรุนแรง และสุดท้ายก็มีกฎหมายบนเกาะเงือกว่า “ห้ามถ่ายเลือดให้กับมนุษย์ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม”
หลังจากที่เกาะเงือกต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งยิ่งใหญ่จากโฮดี้ ที่เป็นเผ่ามนุษย์เงือกเช่นเดียวกัน ลูฟี่และพวกพ้องโจรสลัดมนุษย์กลับเป็นผู้กอบกู้อาณาจักรเงือก แม้จะได้ชัยชนะ แต่ลูฟี่ก็เสียเลือดมากและต้องได้รับการถ่ายเลือดทันที แต่ไม่มีลูกเรือกลุ่มโจรสลัดหมวดฟางคนไหนที่มีเลือดกรุ๊ป F เหมือนลูฟี่เลย แม้จะมีชาวเงือกที่มีเลือดกรุ๊ป F เต็มไปหมด และพวกเขาก็ยกย่องลูฟี่เป็นวีรบุรุษ แต่ก็ไม่มีใครกล้าอาสามอบเลือดให้กับมนุษย์เลย
จนสุดท้ายจินเบ มนุษย์เงือกที่เป็นอดีตเจ็ดเทพโจรสลัด ก็ได้อาสาขอเป็นคนมอบเลือดให้ว่าที่กัปตันของเขาในอนาคต การถ่ายเลือดครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยชีวิตลูฟี่ แต่ยังเป็นการทลายความเชื่อเดิมๆ ความเกลียดชัง โกรธแค้นและหวาดกลัวที่เงือกมีต่อมนุษย์
จะฝ่ายที่ทำร้าย… หรือฝ่ายถูกทำร้าย… ต่างก็มีเลือดสีแดงไหลเวียน แม้จะเป็นเส้นทางที่ยากเย็นเหลือจะกล่าว แต่สายเชื่อมต่อที่ทั้งบางและแคบนี้ที่ช่วยให้อคติของแต่ละฝ่ายและการฟาดฟันแก้แค้นถูกปลดเปลื้องออกไปอย่างง่ายดาย ทำให้เส้นทางที่เป็นเพียงภาพเพ้อฝันกลายเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังแสงอาทิตย์อย่างแท้จริง
One Piece, Episode 568
จังหวะเพลง I Think Of The Past ของ One Piece ขึ้นพร้อมกับคำบรรยายด้านบน เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ